นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
- หลักการและเหตุผล
บริษัท สิทธินันท์ จำกัด เล็งเห็นความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection) ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ต้องได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ซึ่งบุคคลจะถูกล่วงละเมิดสิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลอันเป็นเหตุทำให้บุคคลนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือถูกทำให้ด้อยค่าทางสังคมไม่ได้ ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครองตามกฎหมาย รวมทั้งเพื่อเป็นการเคารพสิทธิของบุคคล บริษัทจึงได้ประกาศนโยบายฉบับนี้เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Policy) ของลูกค้าและผู้เกี่ยวข้อง
- ข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรง
หรือทางอ้อม อันได้แก่ ข้อมูลบุคลากรบริษัท, ข้อมูลผู้ซื้อ, ข้อมูลผู้ขาย, ข้อมูลผู้ให้บริการ, ข้อมูลผู้ติดต่อ,
ข้อมูลผู้สมัครงาน
- การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอย่างจำกัด
การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจะทำโดยมีวัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการโดยชอบด้วยกฎหมายในการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอย่างจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น ซึ่งบริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลรับทราบเพื่อให้ความยินยอมเป็นหนังสือและ/หรือทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามแบบที่บริษัทกำหนด บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งอาจประกอบด้วยเรื่อง เชื้อชาติ ศาสนาหรือปรัชญา ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลชีวภาพ ความพิการ อัตลักษณ์ หรือข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่
- เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา เป็นต้น
- เพื่อประโยชน์แก่การสืบสวนสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจ หรือการพิจารณาคดีของศาล
- เพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น
- เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท
- เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
- เป็นการจำเป็นเพื่อเป็นการปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาและ/หรือเป็นผู้เกี่ยวข้องในสัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น
- เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งมีมาตรการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม
- มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและคุณภาพของข้อมูล
บริษัทเล็งเห็นความสำคัญในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงกำหนดมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมในการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การทำลาย การใช้ การเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนมีมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หมายเลขประจำตัวประชาชน หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งสามารถระบุตัวบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ และเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความถูกต้อง ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัทเท่านั้น โดยบริษัทจะปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลด้วยมาตรการที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- วัตถุประสงค์ในการรวบรวม จัดเก็บ ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะรวบรวม จัดเก็บ ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อประโยชน์ในการให้บริการแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงบริการที่ท่านสนใจ เช่น บริการข่าวสาร บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือเพื่อวิจัยการตลาดและการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย หรือเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์และนำเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ใดๆ ของบริษัท หรือบุคคลที่เป็นผู้จำหน่ายหรือมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทและ/หรือของบุคคลอื่น และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย และ/หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับบริษัททั้งปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งยินยอมให้บริษัท ส่ง โอน และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท กลุ่มธุรกิจของบริษัท พันธมิตรทางการค้า ผู้ให้บริการภายนอก ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หน่วยงาน องค์กร นิติบุคคลใดๆ ที่มีสัญญาอยู่กับบริษัทหรือมีความสัมพันธ์ด้วย โดยยินยอมให้บริษัทกระทำการส่ง โอน และ/หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้ตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์เหล่านั้นเท่านั้น หากบริษัทมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ใน
- ข้อจำกัดในการใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้หากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยการใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะต้องเป็นการใช้ตามวัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น บริษัทจะไม่ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ดังกล่าวหรือเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่
- เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา เป็นต้น
- เพื่อประโยชน์แก่การสืบสวนสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจ หรือการพิจารณาคดีของศาล
- เพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น
- เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท
- เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
- เป็นการจำเป็นเพื่อเป็นการปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาและ/หรือเป็นผู้เกี่ยวข้องในสัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น
- เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งมีมาตรการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม
ทั้งนี้ บริษัทอาจใช้บริการสารสนเทศของผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อเป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยให้ดำเนินการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้ให้บริการดังกล่าวต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม โดยห้ามดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือไปจากที่บริษัทกำหนด
- สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- สามารถขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่บริษัทกำหนด หรือขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจปฏิเสธคำขอของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนดหรือตามคำสั่งศาล
- เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถขอแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ หรือไม่เป็นปัจจุบันได้
- เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถขอให้ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เว้นแต่ เป็นกรณีที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว
- เพิกถอนความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิ
- ร้องเรียนในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
คุณสามารถติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ของเราหรือกรอกข้อมูลผ่านฟอร์มการขอใช้สิทธิตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิ์ข้างต้น ทั้งนี้ คุณไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการดำเนินตามสิทธิ์ข้างต้น โดยเราจะพิจารณาและแจ้งผลการ พิจารณาตามคำร้องของคุณภายใน 30 วันนับแต่วันที่เราได้รับคำร้องขอดังกล่าว
แบบฟอร์มการขอใช้สิทธิตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- เปิดเผยเกี่ยวกับการดำเนินการ แนวปฏิบัติ และนโยบายที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีนโยบายปฏิบัติตามกฏหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ โดยบริษัทจะเปิดเผยแนวนโยบายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ รวมทั้งหากมีการแก้ไขปรับปรุงนโยบายและแนวปฏิบัติดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการเผยแพร่ผ่านทางประกาศของบริษัทและเว็บไชต์ https://www.sitthinan.co.th
- เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทได้มีการดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- การทบทวนนโยบาย
บริษัทจะทำการทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือเมื่อกฎหมายมีการแก้ไข
- ช่องทางการติดต่อบริษัท
บริษัท สิทธินันท์ จำกัด 38/1 หมู่ 11 ถนน ปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว ตำบลตูบางหลวง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี หรือติดต่อผ่าน แผนกทรัพยากรมนุษย์
Email : stn@sitthinan.co.th โทรศัพท์ : 025983300-9
นโยบายทางธุรกิจ (Business Policy)
นโยบายการคืนสินค้า
ลูกค้าสามารถคืนสินค้าภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับสินค้า โดยที่สินค้าต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมบรรจุภัณฑ์ สินค้ายังไม่ได้ใช้งาน สินค้าต้องอยู่ในสภาพเดิมรวมทั้งบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งระบุหมายเลขการสั่งซื้อ หลังจากทางบริษัทฯ ได้รับสินค้าแล้วจะตรวจเช็คสินค้าเพื่อดำเนินการขั้นต่อไป
เงื่อนไขการคืนสินค้า
ทางบริษัทรับคืนสินค้าในกรณีดังต่อไปนี้
- ผู้ซื้อไม่ได้รับสินค้า
- สินค้ามีตำหนิ ใช้การไม่ได้และ/หรือเสียหายระหว่างการจัดส่ง
- สินค้าที่ได้รับไม่ตรงกับคำสั่งซื้อ สินค้าไม่ตรงตามที่โฆษณาไว้
- หากสินค้าที่ส่งคืนอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ตามเงื่อนไขของการส่งคืนสินค้า ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการส่งคืนสินค้า
- ในกรณีที่มีการจัดส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อและสินค้าถูกตีกลับไม่ว่าด้วยเหตุใด บริษัทขอสงวนสิทธิในการยกเลิกคำสั่งซื้อดังกล่าวและระงับการจัดส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อนั้น โดยบริษัทจะดำเนินการคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อสินค้าภายในระยะเวลาและเงื่อนไขการคืนสินค้า หากผู้ซื้อยังคงต้องการซื้อสินค้าจะต้องจัดทำคำสั่งซื้อสินค้าใหม่อีกครั้งหนึ่งและบริษัทจะดำเนินการจัดส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อตามคำสั่งซื้อใหม่ซึ่งจัดทำขึ้นในภายหลังนั้น
- ในกรณีที่ไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้เนื่องจากเหตุสุดวิสัย อาทิเช่น ภัยพิบัติจากธรรมชาติ การก่อการร้าย การชุมนุมทางการเมือง ฯลฯ ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกรายการจัดส่งสินค้า และทางบริษัทฯ จะทำการคืนเงินให้กับลูกค้า
สินค้างดรับคืน
ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการรับคืนสินค้า ดังต่อไปนี้
- สินค้า Clearance
- สินค้าจัดรายการส่งเสริมการขาย
- ผู้ซื้อไม่อาจยื่นคำร้องขอคืนสินค้าและ/หรือคืนเงินเนื่องจากเปลี่ยนใจได้
ขั้นตอนการคืนสินค้า
- ลูกค้ายื่นแบบฟอร์มขอคืนสินค้า คลิ๊กที่ลิ้งนี้
- บริษัทตรวจสอบข้อมูลขอคืนสินค้าและติดต่อกลับ
หมายเหตุ : เมื่อได้รับพัสดุ กรุณาถ่ายคลิปวิดิโอขณะเปิดกล่องสินค้า โดยจะต้องถ่ายให้เห็นสภาพกล่องและสินค้าที่ชัดเจน
การคืนเงิน
- ชำระด้วยบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต – หากทางบริษัท ฯ ได้รับสินค้าคืนแล้ว จะดำเนินการทำเรื่องเพื่อส่งคืนเงินตามธนาคารเจ้าของบัตร ภายใน 7-14 วันทำการ และหลังจากนั้นจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารเจ้าของบัตรจะดำเนินเรื่องต่อภายใน 30 – 45 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารนั้น ๆ หรือตามรอบการตัดบัตรของเจ้าของบัตร
- โอนผ่านช่องทางธนาคาร ,Mobile banking, ATM – บริษัทฯจะดำเนินการคืนเงินโดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของท่านภายใน 7-14 วันทำการ ซึ่งชื่อบัญชีจะต้องตรงกับชื่อของผู้สั่งซื้อสินค้า หากชื่อไม่ตรงกันทางบริษัทฯจะขอเอกสารสำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของบัญชีและของผู้สั่งซื้อสินค้า โดยลงลายมือชื่อกำกับยืนยันว่า ผู้สั่งซื้อสินค้ายินยอมให้คืนเงินต่างบัญชี
หมายเหตุ
* วันทำการ หมายถึง วันจันทร์ – ศุกร์ ไม่รวมวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยระยะเวลาในการคืนเงินอาจมากกว่าขึ้นอยู่กับธนาคารเจ้าของบัตรหรือบัญชีของคุณ
* โปรดทราบว่าบริษัทอาจเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า นโยบายที่มีการปรับปรุงแล้วจะแสดงไว้ในหน้านี้
หากพบมีปัญหาหรือข้อสงสัย
โปรดติดต่อฝ่ายการตลาดทาง Line@ : tonsonfamily